บทที่ 1 ข้อตกลงการหย่าร้าง
"ประกาศฉุกเฉิน! ประกาศฉุกเฉิน! ทหารกองกำลังรักษาสันติภาพได้รับบาดเจ็บที่แนวหน้า อาการสาหัส! ขอกำลังสนับสนุนด่วน!" รดารีบสวมชุดเกราะสนาม คว้ากระเป๋าพยาบาล แล้วเคลื่อนพลไปพร้อมกับหน่วยรบมุ่งหน้าไปยังจุดหมายทันที
ท่ามกลางสมรภูมิที่คละคลุ้งไปด้วยควันไฟ พวกเธอต้องเคลื่อนที่อย่างระมัดระวังเพื่อหลบเลี่ยงวิถีกระสุนของศัตรู เมื่อเข้าใกล้ตำแหน่งของคณเดช เสียงระเบิดยังคงดังสนั่นหวั่นไหว สถานการณ์อันตรายถึงขีดสุด
แม้จะเห็นคณเดชอยู่ใกล้แค่เอื้อม แต่ดงกระสุนทำให้ไม่สามารถเข้าถึงตัวเขาได้ รดาตัดสินใจเด็ดขาด แบกกระเป๋าพยาบาลขึ้นหลังเพียงลำพัง แล้วหมอบคลานฝ่าดงกระสุนเข้าไป
ในที่สุด รดาก็เข้าถึงตัวคณเดชได้สำเร็จ ขาของเขาได้รับบาดเจ็บสาหัส เลือดสดๆ ไหลทะลักออกมาไม่หยุด รดาสูดหายใจเข้าลึกๆ ตั้งสติทำความสะอาดแผล ห้ามเลือด และพันแผลเบื้องต้นอย่างรวดเร็ว
"คณเดช คณเดช ห้ามหลับนะ! ประคองสติไว้ อย่าเพิ่งหมดสติเด็ดขาด!" เสียงของรดาดังฝ่าความวุ่นวายเข้าไปในโสตประสาทของคณเดชอย่างดื้อรั้น
ท่ามกลางความเจ็บปวดจากบาดแผลและความร้อนระอุของดินปืน ผ่านม่านควันที่เลือนราง คณเดชกลับรู้สึกถึงความเย็นสดชื่นสายหนึ่งที่ซึมซาบเข้าไปถึงขั้วปอด
เสียงนี้ราวกับมีมนต์วิเศษในการเยียวยา คณเดชรู้สึกว่าความเจ็บปวดทุเลาลงกว่าเมื่อครู่ เขาพยายามเพ่งมองใบหน้าของแพทย์สนามหญิงคนนี้ แต่เลือดที่ไหลอาบหน้าทำให้ทุกอย่างพร่ามัว มองเห็นอะไรไม่ชัดเจน
เขารู้สึกว่าร่างกายกำลังโคลงเคลง กำลังถูกเคลื่อนย้าย แล้วสติของเขาก็ดับวูบไป
"ท่านประธาน... ท่านประธานครับ ตื่นเถอะครับ" เสียงทุ้มกังวานของผู้ชายดังขึ้นข้างหู ตามมาด้วยแรงเขย่าที่ตัว คณเดชตอบสนองตามสัญชาตญาณทันที เขาจับร่างของชายคนนั้นล็อกแขนไพล่หลังแล้วกดลงกับโต๊ะทำงาน
"ท่านประธาน... ผมเองครับ" ทาวัตขัดขืนพอเป็นพิธีด้วยความเคยชิน แล้วก็ยอมจำนน ท่านประธานของเขาเคยผ่านสมรภูมิรบ เคยเป็นทหารกองกำลังรักษาสันติภาพมาก่อน สัญชาตญาณระวังภัยจึงสูงมาก และยังมีอาการเครียดจากความเครียดหลังเหตุการณ์สะเทือนขวัญหลงเหลืออยู่บ้าง ดีที่เป็นทาวัตซึ่งสนิทสนมกันดีจึงแค่ถูกล็อกตัวไว้ ถ้าเป็นคนแปลกหน้า ป่านนี้คงโดนหักคอไปแล้ว
"มีอะไร?" คณเดชได้สติกลับมา รีบปล่อยตัวทาวัตทันทีเขามองออกไปนอกหน้าต่างกระจกบานใหญ่ แล้วส่ายหัวเบาๆ
ทั้งที่กลับมาใช้ชีวิตในเมืองใหญ่ที่ศิวิไลซ์แล้วแท้ๆ ทำไมถึงยังฝันถึงเรื่องในสนามรบอีกนะ?
แพทย์สนามหญิงคนนั้น ไม่รู้ว่าป่านนี้จะยังมีชีวิตอยู่ไหม?
"เรื่องที่ฉันสั่งให้จัดการ เรียบร้อยหรือยัง?"
"เรียบร้อยแล้วครับ" ทาวัตหยิบแฟ้มเอกสารบนโต๊ะยื่นใส่มือคณเดช ผ่านซองเอกสารใส ตัวหนังสือขนาดใหญ่คำว่า 'หนังสือสัญญาหย่า' ปรากฏเด่นชัด
"ตามความต้องการของท่านครับ ชดเชยให้คุณผู้หญิงด้วยบ้านหนึ่งหลังและเงินอีก 20 ล้านบาท เซ็นชื่อแล้วก็ไปทำเรื่องที่สำนักงานเขตได้เลยครับ" ทาวัตคิดอยู่ครู่หนึ่ง ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยเตือน "ท่านประธานครับ จริงๆ แล้วคุณผู้หญิงเธอดีมากนะครับ พวกเราดูออกว่าเธอมีใจให้ท่าน..."
"พอได้แล้ว!" คณเดชตวาดเสียงแข็ง ตัดบททันที เขาหยิบใบหย่าแล้วเดินหันหลังออกจากห้องไป ทาวัตทำอะไรไม่ได้ นอกจากต้องรีบวิ่งเหยาะๆ ตามไป
ค่ำคืนในเมืองใหญ่ที่แสงไฟเริ่มบางตา เสียงบีบแตรของรถยนต์ดังแว่วมาเป็นครั้งคราว ทำให้บรรยากาศดูเงียบสงบเป็นพิเศษ คณเดชเดินผ่านประตูบานเดิมที่คุ้นเคย
แสงไฟนวลตาจากห้องนั่งเล่นสาดส่องไปที่โซฟาแสนอบอุ่น ช่วงเวลานี้ สายตาของคณเดชถูกดึงดูดด้วยร่างที่นอนขดตัวอยู่บนโซฟาโดยไม่รู้ตัว รดานอนหลับด้วยสีหน้าสงบ เห็นได้ชัดว่าเธอรอเขาจนเผลอหลับไป เสียงลมหายใจสม่ำเสมอของเธอดังท่ามกลางความเงียบยามค่ำคืนดูไพเราะอย่างประหลาด
คณเดชเผลอหวนนึกถึงเสียงของรดา ดูเหมือนจะคล้ายกับแพทย์สนามหญิงคนนั้นอยู่บ้าง
คิดได้แค่นั้น คณเดชก็อดหัวเราะเยาะตัวเองไม่ได้ รดาก็แค่เด็กสาวบ้านนอกธรรมดาๆ คนหนึ่ง ถ้าไม่ได้คุณปู่เมตตาเอ็นดู ชาตินี้ทั้งสองคงไม่มีทางได้โคจรมาพบกัน คนแบบนี้จะเป็นหมอทหารที่ตัดสินใจเด็ดขาดในสนามรบได้อย่างไร?
บนโต๊ะอาหารเต็มไปด้วยกับข้าวหน้าตาประณีตที่จัดวางไว้อย่างดี ไอความร้อนจางๆ ลอยกรุ่นผสมกับกลิ่นหอมละมุน ราวกับจะบอกเล่าถึงความตั้งใจของรดา
ในใจของคณเดชเกิดความรู้สึกที่อธิบายไม่ถูก เขาเกลียดรดา แต่เพราะคุณปู่ เขาจึงจำใจต้องแต่งงานกับเธอ ตอนนี้ครบกำหนดสัญญาสามปีแล้ว เขาทำตามสัญญาที่ให้ไว้กับคุณปู่เสร็จสิ้น เขาจะได้หย่าและไปแต่งงานกับภาวินีเสียที
ส่วนผู้หญิงคนนี้ คณเดชก็จะไม่เอาเปรียบเธอ บ้านหนึ่งหลังกับเงินอีก 20 ล้าน ก็เพียงพอให้เธอใช้ชีวิตสุขสบายไปตลอดครึ่งชีวิตที่เหลือแล้ว
ในเมื่อตัดสินใจจะหย่าแล้ว ก็อย่าให้มีเยื่อใยต่อกันอีกเลย
คณเดชไม่อยากแตะต้องตัวรดา จึงปล่อยให้เธอนอนบนโซฟาต่อไป
จังหวะที่คณเดชผลักประตูเข้าห้องนอน อาจเพราะเสียงดังไปหน่อย จึงทำให้รดาสะดุ้งตื่น เธอขยี้ตาเบาๆ เงยหน้าขึ้นมอง ทันทีที่เห็นคณเดช แววตาของเธอฉายแววดีใจวูบหนึ่งปนกับความเสียใจที่เผลอหลับไป "คุณกลับมาแล้ว ฉันนึกว่าคืนนี้คุณจะทำงานล่วงเวลาอีก..."
"เธอไม่จำเป็นต้องรอฉัน" คณเดชพูดเสียงเย็นชา
"ไม่เป็นไรค่ะ" เสียงของรดานุ่มนวลแต่หนักแน่น เธอลากสังขารที่อ่อนล้าลุกขึ้นนั่ง ส่งยิ้มอบอุ่นให้เขา "ฉันชอบรอคุณค่ะ"
"รดา สัญญาของเรา... หมดเวลาแล้ว" คณเดชไม่ได้พูดปลอบโยนรดา แต่เข้าประเด็นทันที เขาพูดสิ่งที่ตั้งใจจะทำในวันนี้ออกมาตรงๆ "หย่ากันเถอะ"
รดาเหมือนถูกฟ้าผ่ากลางวันแสกๆ หัวใจหล่นวูบลงไปที่ตาตุ่ม "คุณปู่... ท่านทราบเรื่องที่คุณจะหย่ากับฉันหรือยังคะ?"
"ไม่รู้แล้วจะทำไม?"
หัวใจของรดาเจ็บปวดราวกับถูกมีดกรีด น้ำตาเอ่อคลอเบ้า เธอไม่อยากเชื่อเลยว่าสิ่งที่อยู่ตรงหน้าคือความจริง มันเหมือนฝันร้ายชัดๆ
"คณเดช คุณตัดสินใจจะหย่ากับฉันจริงๆ หรือคะ?" เสียงของรดาสั่นเครือ แม้จะพยายามควบคุมสติ แต่ความสะอื้นไห้ก็เปิดเผยความรู้สึกในใจจนหมดสิ้น เธอไม่อยากเชื่อว่าตลอดสามปีที่ผ่านมา เธอทุ่มเททั้งกายและใจ แต่กลับไม่ได้ใจของผู้ชายคนนี้แม้แต่น้อย
"ฉันทนมาพอแล้ว รดา" คณเดชโบกมืออย่างรำคาญ ไม่มีความอดทนแม้แต่จะฟังต่อ "การที่เธอแต่งงานกับฉันเมื่อตอนนั้นมันคือความผิดพลาด เธอรู้อยู่เต็มอกว่าฉันกำลังประชดคุณปู่ และเธอก็รู้ดีว่าฉันมีคนในดวงใจอยู่แล้ว เพียงแต่เพราะเหตุผลบางอย่างเราถึงอยู่ด้วยกันไม่ได้ ตอนนี้ครบกำหนดสามปีแล้ว ภาวินีก็กลับมาจากประเทศเอ็มแล้ว ฉันจะแต่งงานกับเธอ ดังนั้น เธอต้องคืนตำแหน่งภรรยาท่านประธานให้เธอซะ"
"ภาวินี..." ชื่อนี้เหมือนหนามแหลมที่ทิ่มแทงลึกลงไปในใจของรดา "นั่นสินะ ภาวินี เพื่อนสมัยเด็กของคุณ... เทียบกับเธอแล้ว ฉันมันก็ไม่มีค่าอะไรเลย"
"เธอรู้ตัวก็ดีแล้ว" น้ำเสียงของคณเดชเย็นชาและเด็ดขาด ไร้ซึ่งความลังเล
"ฉันไม่อยากหย่าค่ะ คณเดช! อดีตของเรา... คุณจะทิ้งมันไปง่ายๆ แบบนี้เหรอคะ?" รดาถลาเข้าไปขวางเขาไว้ น้ำตาไหลพรากอาบสองแก้ม น้ำเสียงของเธอเจือไปด้วยการอ้อนวอนและความสิ้นหวัง "ฉันรักคุณนะเดช ฉันยังอยากเป็นภรรยาของคุณ... ต่อให้คุณจะไม่มีความรู้สึกให้ฉันเลยก็ตาม..."
"ชีวิตแต่งงานที่ไม่มีความรัก ฉันไม่ต้องการ" น้ำเสียงของคณเดชเจือความเหนื่อยล้า เขาวางใบหย่าลงบนโต๊ะกาแฟ "ฉันเซ็นแล้ว เธอก็รีบจัดการซะ ก่อนที่ภาวินีจะกลับมา ฉันต้องการให้ขั้นตอนทางกฎหมายระหว่างเราจบสิ้น"
พูดจบ คณเดชก็เดินกลับเข้าห้องนอนโดยไม่หันกลับมามอง ทิ้งท้ายไว้เพียงประโยคเดียว "เป็นค่าชดเชย ฉันจะให้เงินเธอ 20 ล้านพร้อมบ้านหนึ่งหลัง ยังไงซะเธอก็ต้องออกจากตระกูลไปตัวเปล่า ฉันไม่อยากตอบคำถามคุณปู่ให้ยุ่งยาก"
คำพูดประโยคนั้นกรีดแทงความเงียบยามค่ำคืนเหมือนใบมีด ตัดขาดสายใยความผูกพันระหว่างคนทั้งสองจนสะบั้น หัวใจของรดาเหมือนถูกฉีกกระชาก น้ำตาไหลรินไม่ขาดสาย เธอหันหลังกลับ ไม่สามารถทนมองเขาได้อีก ในใจเต็มไปด้วยความหมดหนทางและสิ้นหวัง
เมื่อประตูห้องปิดสนิท ร่างอันผอมบางของรดาก็แทรงทรงตัวไม่อยู่ ได้แต่เกาะขอบโต๊ะไว้แน่น พึมพำกับตัวเองเบาๆ ทั้งน้ำตา
"เดช... เราไม่หย่า... ได้ไหม?"
เสียงกระซิบของรดาถูกกลบด้วยเสียงเรียกเข้าโทรศัพท์ที่ดังขึ้นในห้อง ไม่มีใครได้ยินคำพูดนั้น
ค่ำคืนอันเงียบงันผ่านพ้นไป
แสงแดดยามเช้าสาดส่องผ่านรอยแยกของผ้าม่านเข้ามาในห้อง ฉาบไล้ทุกสิ่งด้วยประกายสีทอง อย่างไรก็ตาม เมื่อคณเดชเดินออกจากห้องนอน สิ่งที่ต้อนรับเขาคือบ้านที่ว่างเปล่า ไร้เงาของรดาที่คุ้นเคย และไม่มีกลิ่นหอมของอาหารเช้าที่แสนอบอุ่น มีเพียงอาหารเย็นชืดไม่กี่จานบนโต๊ะและชามอาหารเช้าที่ว่างเปล่า คอยย้ำเตือนเขาอย่างโหดร้ายว่า บ้านหลังนี้ได้สูญเสียชีวิตชีวาแบบวันวานไปแล้ว
คณเดชขมวดคิ้วเล็กน้อย ความรู้สึกไม่สบายใจก่อตัวขึ้น เขาเดินไปที่ห้องครัวโดยไม่รู้ตัว อยากดูว่าเธอยังทิ้งอะไรไว้บ้างไหม แต่ในตู้เย็นมีเพียงผักผลไม้ไม่กี่อย่าง อาหารเช้าชุดใหญ่ที่รดามักจะเตรียมไว้ให้เขาล่วงหน้าเสมอ บัดนี้ความว่างเปล่ากลับดูบาดตาเป็นพิเศษ ความรู้สึกว่างโหวงสายหนึ่งเกิดขึ้นในใจ ราวกับว่าวินาทีนี้ เขาเพิ่งตระหนักได้ว่าสิ่งที่สูญเสียไปไม่ใช่อาหารรสเลิศ แต่เป็นผู้หญิงคนที่คอยเหนื่อยยากและทุ่มเทเพื่อเขา
"ท่านประธานครับ อรุณสวัสดิ์ครับ" เสียงของทาวัตดึงสติเขาออกจากภวังค์ เลขาหนุ่มยิ้มทักทายตามมารยาท แต่รอยยิ้มนั้นกลับทำให้คณเดชรู้สึกเจ็บแปลบในใจ
"อืม" เขาตอบรับส่งๆ ความรู้สึกสับสนในใจทำให้เขาไม่มีอารมณ์จะสนใจสิ่งอื่น ทันใดนั้น คำพูดของทาวัตก็เหมือนฟ้าผ่าลงกลางใจ
"คุณผู้หญิง... เธอไปแล้วครับ" ทาวัตรายงานเสียงเบา
สีหน้าของคณเดชหม่นลงทันที ภาพความทรงจำระหว่างเขากับรดาผุดขึ้นมาในหัว ผู้หญิงที่คอยดูแลความเป็นอยู่ของเขาอย่างสงบเสงี่ยมเจียมตัว ไม่เคยปริปากบ่นคนนั้น... จากไปแล้ว
"รีบร้อนขนาดนั้นเชียว?" คณเดชรู้สึกหายใจไม่ออก เขาคิดว่าตัวเองควรจะรู้สึกโล่งใจ แต่ความจริงคือ เขาไม่สามารถปกปิดความรู้สึกเสียใจลึกๆ ได้ เขานึกถึงดวงตาแดงก่ำของรดา นึกถึงความสิ้นหวังของเธอ
ทันใดนั้น คณเดชก็นึกขึ้นได้ว่า ตัวเองอยู่ในห้องนอนทั้งคืน ไม่ได้ยินเสียงอะไรเลย รดาไม่ได้เก็บข้าวของเลยเหรอ แล้วก็จากไปดื้อๆ แบบนี้? หรือเธอคิดว่าวันหน้าจะยังกลับมาได้อีก?
ทาวัตเหมือนจะดูออกว่าคณเดชกำลังสงสัย จึงอธิบายขึ้นเองว่า "คุณผู้หญิงไม่ได้เอาอะไรไปเลยครับ ทิ้งไว้แค่สมุดเล่มเล็กๆ เล่มเดียว แล้วก็มีรถเก๋งสีดำมารับไปครับ"
คณเดชกวาดตามองไปที่ห้องนั่งเล่น หนังสือสัญญาหย่าที่เซ็นชื่อเรียบร้อยแล้ววางสงบนิ่งอยู่บนโต๊ะ บนกระดาษยังมีรอยคราบน้ำตาปรากฏอยู่
เมื่อคืนยังร้องห่มร้องไห้ พอเช้ามาก็รีบร้อนจากไปเนี่ยนะ?!
คณเดชรู้สึกเหมือนโดนตลบหลัง จึงถามเลขาด้วยความหงุดหงิด
"ทาวัต ไปเช็กมาซิว่ารถใคร!"
"ครับ ท่านประธาน"
ห้านาทีต่อมา
ท่านประธานครับ ตรวจสอบแล้วครับ เป็นรถประจำตำแหน่งของประธานบริษัท เคเอส ครับ!
คุณชายใหญ่ตระกูลธรรมศิริ?!
รดา เด็กสาวที่มาจากหมู่บ้านเล็กๆ ไม่มีเงิน ไม่มีแบ็คกราวด์ อยู่กับเขามาสามปีแม้แต่ไอจีก็ยังไม่เล่น กลับมีความสามารถไปเกาะแกะกับคุณชายตระกูลธรรมศิริได้งั้นเหรอ?
หาคนดามใจได้ไวขนาดนี้เลยเหรอ เก่งจริงๆ!
"ท่านประธานครับ วันนี้ท่าน... ได้ขอหย่ากับคุณผู้หญิงจริงๆ หรือเปล่าครับ?" เลขาถามหยั่งเชิง
